บันทึกสงกรานต์ 2562

น่าจะเรียกได้ว่าปิดฉากโดยสมบูรณ์แล้วสำหรับวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก็ขอบันทึกเหตุการณ์เอาไว้บ้างนิดๆหน่อย เผื่อวันหน้าได้ย้อนกลับมาอ่าน สำหรับปี 2562 นี้กิจกรรมต่างๆก็แทบไม่ต่างจากเดิมมาก เพราะปรกติถ้าเป็นไปได้ก็จะหลีกหนีทีมเล่นน้ำโดยเฉพาะถ้าหากเรายังไม่สามารถห้ามการละเล่นตามท้องถนนได้ ก็ขอเลือกที่จะ “ขัง” ตัวเองอยู่ในบ้าน ไม่กล้าแม้แต่จะออกไปซื้อขนมหน้าปากซอยเพราะเอาเข้าจริงๆ คนที่ยังคิดไม่ได้พูดจากันก็คงไม่รู้เรื่องอยู่ดี ถ้าคนยังกล้าประแป้ง จนท. ตำรวจ เราก็คงไม่รอดหรอก

เทศกาลสงกรานต์ซึ่งปรกติก็เป็นวันหยุดยาวอยู่แล้ว แต่เหมือนว่าปีนี้จะหยุดยาวกว่าปรกติ เนื่องจากราชการให้หยุดเพิ่มพิเศษอีก (ใช่ไหม) เราก็อาศัยจังหวะวันแรกที่คนส่วนหนึ่งยังทำงานกันอยู่ กับวันสุดท้ายที่จัดว่าเป็นวันเก็บกวาด คือไม่น่าจะมีเล่นสาดน้ำกันนั่นแหละ หาโอกาสออกไปพักผ่อนตามแบบฉบับคนกรุง คือคิดอะไรไม่ได้ก็ไปห้างก่อนก็แล้วกัน เดินวนๆร้านหนังสือ ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ ร้านกาแฟ ก็มีอยู่เท่านี้ ประเด็นคือรู้ตัวว่าจะต้องขังตัวเองอยู่บ้านสามวันติดๆ ก็ขอออกมาเจอผู้คนหน่อยก็แล้วกัน

Orn the way Salmon book
– หนังสือ Orn The Way ของ OrnBNK48 –

สัปดาห์ก่อนเลือกที่จะไม่ไปงานหนังสือ เพราะมองกองหนังสือที่ตัวเองดองเอาไว้ยังไม่ได้อ่านซักที (มันมีเหตุนะเดี๋ยวเล่าให้ฟัง) แล้วรู้สึกผิด และตั้งปณิธานเล็กๆเอาไว้ว่า ถ้าฉันยังไม่อ่านกองนี้ให้หมดอย่างน้อยครึ่งนึง ก็จะไม่ซื้อหนังสืออะไรเพิ่มแล้ว แต่จนแล้วจนรอด ในความเป็นหนอนหนังสือของเรานั้น ก็ยังมีอีกภาคหนึ่งที่เป็นโอตะ BNK48 ด้วย และเพื่อให้เรามีเหตุผลในการมาเที่ยวห้าง ก็เลยพุ่งตรงไปร้านหนังสือโดยพลันกะว่า ถ้าเจอหนังสือ Orn the Way บันทึกการท่องเที่ยวอิตาลี่ของ OrnBNK48 ก็จะจัดมาเก็บไว้ก่อน ด้วยเหตุผลว่าชอบอ่านเนื้อหาบันทึกอะไรแบบนี้อยู่แล้ว และคิดว่ามันจะต้องมีรูปอรอุ๋ง กับตาหวาน เยอะมากแน่ๆ แล้วก็ไม่ผิดหวัง แนะนำๆ

– อเมริกาโน่ขมๆ กินกับปังนมหวานกรอบ –

พอเริ่มบ่ายแก่ๆไม่รู้คนมาจากไหนแน่นเต็มห้างไปหมด กลายเป็นเหมือนตลาดสดติดแอร์ ก็ได้เวลาหนีออกมาหาความสงบตามร้านกาแฟแถวบ้าน โชคดีที่ นมบางกรวย ยังไม่หยุดสงกรานต์ ถึงไม่ค่อยได้มาบ่อยเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้ามีโอกาสผ่านก็ยังแวะอยู่ประจำ ยังคงเป็นแต่งแนวฮิปๆ กาแฟอร่อย ปังปิ้งได้ใจเหมือนเดิม ปรกติร้านจะคนแน่นกว่านี้ แต่ก็คงเพราะคนส่วนใหญ่เริ่มออกต่างจังหวัดไปบ้างแล้ว ก็จะดูหงอยๆไปบ้าง แต่ก็ดีได้มาแอบส่องหนังสืออรอุ๋งที่เพิ่งซื้อมาแว็บๆ

นมบางกรวย
– นมบางกรวย –

กลับมาเรื่องดองหนังสือ มีข้อแก้ตัวก็เพราะว่าที่ทำงานมีห้องสมุดให้พนักงานยืมหนังสือออกมาอ่านได้ เป็นห้องสมุดเล็กๆประมาณห้องสมุดประจำคณะวิชาของมหาวิทยาลัยซึ่งจะมีหนังสือใหม่เข้ามาประจำทุกเดือน ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นนวนิยาย แต่ก็มีหนังสือ non-fiction ที่ยอดขายดีดีตามร้านหนังสือเพิ่มเข้ามาตลอด แล้วด้วยความเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ ทุกครั้งที่ยืมหนังสือแล้วกลับไปคืน ก็จะได้หนังสือติดมือออกมาตลอด ยืมมาแล้วก็ต้องรีบอ่านรีบคืน คืนแล้วก็ได้เล่มใหม่มา วนเวียนอยู่แบบนี้ ก็เลยไม่ได้อ่านที่ซื้อมาซักที แถมบางครั้งยืมเล่มเดียวกับที่ซื้อมาอ่าน เพราะไม่อยากให้หนังสือตัวเองช้ำก็มี คืออ่านเล่มเดียวกันที่ยืมมาจากห้องสมุด ส่วนเล่มที่ซื้อมาก็ยังอยู่ในถุงเก็บไว้อย่างดี ซะอย่างนั้นแหละ

– หยุดสามวันอ่านหมดนี่เลยนะ –

ช่วงที่ขังตัวเองหนีน้ำสามวันก็เหมือนกัน เป็นสามวันที่อ่านหนังสือไปได้เยอะมาก คือที่เห็นในรูปข้างบนนั่นแหละหมดเลย ก็มีเขียนสรุปๆคำที่ชอบเอาไว้บ้าง คิดว่าต่อจากนี้ไปถ้าอ่านเล่มไหนแล้วประทับใจก็จะมาเขียนบันทึกเก็บไว้ เป็นรีวิวหนังสือเล็กๆ เป็ฯอีก content หนึ่งที่คิดว่าน่าจะทำได้ โชคดีด้วยที่ครั้งนี้ได้เล่มที่อ่านสนุกมาทุกเล่ม เปิดอ่านแล้วหยุดไม่ได้อ่านแป๊ปๆ เพลินมากๆก็จบแล้ว

นอกเหนือจากการหาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองแล้ว ก็มีภารกิจรวมญาติ ทำบุญประจำปี บังสุกุลกระดูกคุณปู่คุณย่า ที่นับกันจริงๆเท่าที่จำความได้ก็น่าจะประมาณสามสิบปีติดๆกันมาแล้วล่ะ ตั้งแต่ตัวเองเป็นหลาน จนตอนนี้เป็นลุงแล้ว สิ่งที่เห็นชัดเจนมากๆคือคนมาทำบุญกันน้อยลงทุกปี โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีทีผ่านมา แต่ปีนี้หนุ่มหล่อสาวสวยเยอะมากผิดหูผิดตา จริงๆคือรุ่นปู่รุ่นย่า น่าจะทยอยจากกันไปพอสมควร ที่เห็นก็คือเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน ที่ยังคงชวนๆกันมาทำบุญกันอยู่ เอาเข้าจริงๆก็ดีใจเล็กๆว่า อย่างน้อยๆวัฒนธรรมอันดีก็ยังไม่น่าหมดไปในช่วงอายุขัยของเรา

เทศกาลสงกรานต์ผ่านไปอีกปี ในแต่ละปีก็มีสิ่งที่เหมือนกัน แล้วก็มีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป ถ้ามองแค่ปีต่อปีมันเห็นไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ถ้านึกย้อนไปไกลๆ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมันเห็นได้ชัด หลายๆกิจกรรมที่เคยทำที่วัด กลายเป็นว่าย้ายไปทำในห้างกันเยอะ วัดที่เคยเป็นวัด ก็ไม่ค่อยจะเหมือนวัดเท่าไหร่ norm ต่างๆก็ปรับเปลี่ยนกันไปตามแต่ละยุคสมัย ในมุมมองที่เป็นแค่กิจกรรมทำซ้ำๆกัน มันก็จะดูน่าเบื่อ แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปถึงกุศโลบายเบื้องลึก เบื้องหลังได้ ก็จะเห็นถึงความงดงามอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ชาติอื่นวัฒนธรรมอื่นเขาไม่มีกัน หากลองใช้ชีวิตให้เงียบลงบ้าง ช้าลงบ้าง ก็อาจจะได้เห็นความงามอีกมุมนึงก็ไม่เคยสัมผัสมาก่อนได้เช่นกัน