ทศวรรศที่สี่

อายุเพิ่งขึ้นเลขสี่ไปเมื่อไม่กี่วันก่อนและเป็นความประหลาดส่วนตัวที่ไม่ชอบให้ใครมารู้อะไรว่าเราเกิดวันไหน ถ้ามีใครอยากรู้จริงๆก็มักจะกล้อมแกล้มเรื่อง IT privacy อะไรก็ว่าไป แต่ถ้ายังไม่สะใจก็มักจะใช้โอกาสนั้นแพร่กระจาย IT Security awareness กันไป ซึ่งพอเริ่มจะเอ่ยปาก ก็จะเบ้หน้าเดินหนีทุกรายไป

แต่ถึงจะไม่ต้องการความพิเศษจากใครๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ให้ความสำคัญ มันก็จะมีอะไรพิเศษนิดๆหน่อยๆกับตัวเอง ตั้งใจทำไว้เพื่อเป็นปณิทานอะไรบางอย่าง สำหรับวันแรกของขวบปีเพื่อให้เป็นการเริ่มต้นที่ดี ตื่นแต่เช้าเพราะจะให้ทันไปตักบาตร ลงทุนกับอาหารมื้อต่างๆของวัน กินให้ดี กินให้อร่อย เย็นก็บังคับตัวเองให้ออกกำลัง จัดตารางของวันพิเศษของเราให้เป็นไปอย่างที่เราตั้งใจจะทำหลังจากนี้ .. วันนี้ทำได้ วันอื่นก็ต้องทำได้ ปักหมุดเอาไว้

นอกจากส่วนตัวจะมองว่าวันคล้ายวันเกิดจะเป็นวันที่ควรอยู่กับตัวเองให้มาก ก็เป็นวันที่ควรจะประเมิณสิ่งที่ผ่านมา และมองถึงทิศทางชีวิตข้างหน้าว่าจะเอายังไง โดยเฉพาะการเริ่มทศวรรตใหม่ให้กับตัวเองไม่น่าจะใช่เรื่องธรรมดา ก็อาศัยช่วงเวลาที่อยู่กับตัวเองนั่นแหละ คิดภาพเอาว่าอีกห้าปีข้างหน้าจะเป็นยังไง เมื่อถึงวัยที่ต้องเริ่มต้นอายุด้วยเลขห้า เราจะพาตัวเองไปอยู่ตรงไหน และมันก็น่าแปลกที่ช่วงวันคล้ายวันเกิดนี้มีแนวโน้มความเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆเกิดขึ้นหลายๆอย่าง ได้หัวหน้าใหม่ มีโปรเจคงานใหม่ ซึ่งจริงๆเรามีสิทธิที่จะเลือก ว่าอยากจะเข้าไปยุ่ง หรืออยากจะอยู่เฉยๆ ในแต่ละทางเลือกจะกระทบชีวิตในช่วงทศวรรตนี้แน่นอน คำถามคือเราจะกระโดดขึ้นรถไฟอนาคตขบวนนี้ หรือขออยู่บนขบวนเดิม

สุดท้ายแล้วถ้าจะถามว่า 4 ทศวรรตที่ผ่านมาได้อะไรจากชีวิตมาบ้าง คำตอบก็น่าจะเป็นเรื่องของความเข้าใจในธรรมชาติของความไม่แน่นอน และการดาดเดาการตอบสนองด้านพฤติกรรมของคน สิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่เป็นเสมอไป คนทุกคนล้วนดำเนินชีวิตอยู่บนเหตุ ปัจจัย และความคาดหวัง ในชีวิคคนๆนึง ได้มีกัลยาณมิตรซักคนสองคน ก็ถือว่ามีบุญวาสนาแล้ว หาให้เจอ แล้วรักษาเอาไว้ให้ดี

happy birthday to me : )