Mobike กับนายอาร์ต

อยู่กับงานสายไอทีก็ต้องเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ Sharing Economy มาบ้าง ตัวอย่างที่รู้จักกันดีก็พวก Uber ที่แชร์รถ แล้วก็ Airbnb ที่แชร์ห้องว่างในบ้านให้คนเช่า แต่ก็มีอีกบริการนึงเริ่มต้นที่จีน ประเทศซึ่งเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของการใช้จักรยาน แล้วบริการนี้ก็เริ่มขยายไปตามเมืองต่างๆทั่วโลก แล้วก็เพิ่งจะมาถึงเมืองไทยไม่นานมานี้ เป็นธุรกิจให้เช่าจักรยานผ่าน application หรือ Bike Sharing แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ใช้งานมาก่อน

ตัวเองปรกติก็ใช้จักรยานนี่แหละเป็นพาหนะหลักในการเดินทางอยู่แล้ว ด้วยระยะทางจากบ้านออกมาลงเรือหรือต่อรถเมลล์ก็ไม่ได้ไกลมาก แล้วก็มีเส้นทางลัดเลาะออกมาตามตรอกซอยถนนเล็กๆ ที่ไม่ใช่ทางหลักสำหรับรถยนต์ ในช่วงวันหยุดก็จะเอาจักรยานมาปั่นเล่นในสถานที่ราชการใกล้บ้านที่ปั่นผ่านทุกวัน ซึ่งปรกติก็จะมีคนที่อยู่ใกล้ๆกันมาใช้พื้นที่ออกกำลังอยู่เป็นประจำ แต่เมื่อกลางเดือนที่แล้วก็จะแปลกๆหน่อยเพราะ อยู่ดีดีผ่านมาก็เจอรถจักรยานสีส้มๆแบบนี้จอดเรียงกันเป็นแผงตามจุดต่างๆทั่วพื้นที่ รวมๆน่าจะเป็นร้อยคันอยู่ ผู้คนก็ตื่นเต้นกันทั้งพนักงานที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ แล้วก็คนที่ผ่านไปมา

ก็แอบไปเลียบๆเคียงๆถามๆไปก็รู้ว่าเป็น Bike Sharing นี่แหละยี่ห้อ Mobike ที่หน่วยงานราชการที่นี่ประสานงานให้ลองเอามาทดลองใช้งาน หรือจะเรียกให้ถูกก็คือทดลองตลาดนั่นแหละ เพราะเอาเข้าจริงๆตรงนี้ก็ใหญ่พอดู ช่วงปีใหม่เคยปั่นจักรยานไหวัพระรอบๆ ถ้าไม่นับเวลาที่ลงไปจุดธูปเทียนสักการะ ระยะทางก็น่าจะหลายกิโลอยู่ เวลาเจ้าหน้าที่ต้องประสานงานโดยเฉพาะด้านสถานที่ ก็ใช้แรงเยอะอยู่ มีจักรยานให้เช่าใช้แบบนี้ก็น่าจะสะดวกอยู่ไม่น้อย

เพิ่มเติมให้อีกหน่อยเท่าที่รู้มาว่า Bike Sharing ในประเทศไทยตอนนี้มีสองยี่ห้อคือ Mobilke สี่ส้มๆที่เห็นนี้ แล้วก็ OfO ซึ่งอันนั้นถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นสีเหลือง เท่าที่เห็น Mobike นอกจากที่นี่ก็มีใช้อยู่ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่วน OfO เคยเห็นที่ราชมงคลธัญบุรี แล้วก็ที่เห็นจากในข่าวคือที่ SCG สำนักงานใหญ่

ไม่เคยใช้ OfO แต่เท่าที่ลองเปรียบเทียบดูจากในรูป Mobike น่าจะแข็งแรงกว่า เพราะเหมือนกับว่าใช้ระบบเพลาในการส่งกำลัง ไม่ได้ใช้โซ่เหมือนจักรยานทั่วไป จากรูปเราจะไม่เห็นจริงๆว่าใช้การส่งกำลังยังไงเพราะปิดหมดแต่เวลาปั่นก็เงียบดีไม่ได้ยินเสียงเหมือนจักรยานตัวเองที่ใช้โซ่ คืออย่างน้อยเวลาเจอถนนขรุขระก็น่าจะมีเหวี่ยงไปตีกับท่อที่ครอบอยู่ให้ได้ยินบ้างน่ะ

ตัวจักรยานหนักพอสมควร เป็นจักรยานแบบ mono gear คือมีเกียร์เดียว เอาเข้าจริงๆให้นึกถึงภาพจักรยานแม่บ้านตะกร้าหน้าธรรมดานี่แหละ คือวัตถุประสงค์หลักก็คือทำเอาไว้สำหรับส่งเอกสาร หรือซื้อของใกล้ๆ “ไม่เน้นทำความเร็ว” แต่ที่จะไม่เหมือนจักรยานทั่วไปก็ตรงพื้นตะกร้าหน้าจะเป็นแผงโซล่าเซล ซึ่งก็คงเอาไว้ชาร์จไฟเพือจะไปเลี้ยงระบบล๊อคที่ติดอยู่ใต้เบาะนั่ง ซึ่งเชื่อว่ามี GPS และสามารถเชื่อมต่อ 3G ได้ด้วย เพราะเห็นสติกเกอร์อนุญาตของ กสทช. แปะอยู่ทุกคัน

ที่จักรยาน Mobike ทุกคันจะมีสติกเกอร์สอนการใช้งานแบบง่ายๆ ซึ่งเอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้ใช้ยากเท่าไหร่ อาจจะมีงงๆบ้างตอนที่ติดตั้ง Mobike app ลงในมือถือครั้งแรก แต่ถ้าได้ลองใช้งานครั้งนึงแล้ว ครั้งต่อๆไปก็คล่องแล้ว อยู่ที่ว่าการเชื่อมต่อระหว่างชุดล๊อคกับระบบของ Mobike มากกว่า

คำแนะนำก็คือก่อนจะทดลองใช้ครั้งแรก ให้ดาวโหลด Mobike app ลงมาแล้วลงทะเบียนกับหมายเลขโทรศัพท์ของตัวเองเอาไว้ก่อน เพราะที่เคยเจอมาถ้า QR ของจักรยานที่ต้องการใช้มีปัญหา จะทำให้ลงทะเบียนผู้ใช้งานใหม่ไม่ได้

หลังจากที่เราติดตั้ง App และลงทะเบียนกับหมายเลขโทรศัพท์แล้วเมื่อเราต้องการใช้งานก็ทำตามขั้นตอนประมาณนี้

  1. เปิด Mobike app ขึ้นมาเราจะเห็นแผนที่พร้อมตำแหน่งของจักรยานที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเท่าที่สังเกตดูสถานะพร้อมใช้ของจักรยานก็คือคันที่ถูกล๊อคอยู่
  2. กดที่ปุ่ม Unlock ด้านล่าง App จะเปลี่ยนเป็นหน้าสแกน QR code ขั้นตอนนี้อาจจะต้องอนุญาตให้ App เข้าใช้งานกล้องของโทรศัพท์ก่อน ขั้นตอนนี้ App จะสแกน QR แล้วส่งข้อมูลกลับไปที่ระบบของ Mobike เพื่อทำการเชื่อมต่อกับชุดล๊อคของจักรยาน
  3. ในระหว่างการเชื่อมต่อเราจะเห็นข้อความ Unlocking ขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเราจะได้ยินเสียงชุดล๊อคเด้งออก ส่วนหน้าจอโทรศัพท์ก็จะเริ่มคิดเงินและจับเวลา เราก็เริ่มเอาไปปั่นได้
  4. เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว สำคัญมากคือเราต้องล๊อคจักรยานโดยใช้ชุดล๊อคใต้เก้าอี้ บีบตัวเลื่อนเบาๆแล้วเลื่อนตัวล๊อคลงให้ขวางซี่ล้อเอาไว้ เมื่อล๊อคได้จะได้ยินเสียงเตือนสองชุด ชุดแรกบอกว่าล๊อคแล้ว อีกชุดเหมือนจะบอกว่าเชื่อมต่อกับระบบแล้วจักรยานกลับสู่สถานะพร้อมใช้ แต่เพื่อให้ชัวร์จะกดปุ่ม End Trip ซ้ำอีกทีก็ได้ ปุ่มนี้เราจะกดไม่ได้ถ้าเราไม่ได้ล๊อคล้อ

*** ห้ามลืมล๊อคเด็ดขาด เพราะถ้าไม่ล๊อคคืน เวลาก็จะวิ่งไปเรื่อยๆ แล้วเงินค่าเช่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆฮะ ***

หลังจากใช้งานตัว App เองก็จะมีการสรุปข้อมูลแต่ละครั้งว่าเราใช้เวลาไปกี่นาที เผาผลาญพลังงานไปกี่แคลลอรี่ แล้วก็เจ๋งกว่าคือบอกด้วยว่าเราช่วยลดปริมาณคาร์บอนให้โลกใบนี้ไปได้เท่าไหร่ สำหรับระยะทางที่ปั่นไปตัว App จะคำนวณแค่จุดที่เรา unlock เทียบกับจุดที่เรา lock คืนจักรยานเท่านั้น ไม่ได้ trace ไปตามระยะทางจริง ส่วนข้อมูลการใช้งานทั้งหมด สามารถตรวจสอบได้จาก My Trips ในแอป ส่วนรูปขวาสุดนั่นระหว่างปั่นออกกำลังก็เปิด Endomondo ซึ่งเป็น app สำหรับบันทึกและคำนวนการออกกำลังเฉพาะไปด้วย ซึ่งก็ทำได้และจะได้ค่าระยะทางปั่นที่น่าจะชัดเจนกว่า

จาก App Endomondo ในวันที่ลองปั่นแบบชิลๆ ความเร็วที่ทำได้ก็จะประมาณ 12 – 14 กม. ต่อ ชม. ถ้าเทียบกับการวิ่งก็จะมี pace เฉลี่ยอยู่ที่ 4.55 ซึ่งถ้าวัดกันจริงๆก็เร็วกว่านักวิ่งที่ซ้อมมาราธอนนิดหน่อย หรือบางทีปั่นตามไม่ทันก็มี อย่างที่บอกไว้ว่าให้นึกถึงเราปั่นจักรยานแม่บ้านอยู่ แต่ถ้าว่าเหนื่อยไหม ก็ได้กำลังพอสมควรฮะ เหมือนปั่นจักรยานเล่นในสวนรถไฟประมาณนั้น .. ซึ่งถ้าเทียบกับค่าบริการ 10 บาท 20 บาท ก็ไม่เลวร้าย และถ้าคิดจะปั่นเกินชั่วโมง ก็ไม่แนะนำอยู่ดีฮะ เพราะมันจะเมื่อยก้นมาก

สำหรับค่าใช้บริการในช่วงนี้ให้ทดลองใช้ฟรีไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน หลังจากนั้นเท่าที่อ่านจากในเว็บของ Mobike การใช้บริการจะคิดตามเวลาโดยคิดอัตรา 10 บาท ต่อ 20 นาที แต่เวลาใช้จริงๆจะมีช่วงคำนวณประมาณนี้ฮะ อันนี้ลองปั่นแล้วดูจาก App

  • 0-29 นาที คิด 10 บาท
  • 30-59 นาที คิด 20 บาท
  • 60 นาที ปุ๊ป 30 บาท

หมายความว่า 10 บาทได้ 20 นาทีก็จริงแต่ถ้าเลยมาไม่ถึง 30 นาที ก็ยังไม่คิดเพิ่ม แล้วถ้าปั่นเลย 40 นาทีไปแล้ว แต่ยังไม่ถึง 60 นาที ก็ยังคิดแค่ 20 บาท เพราะเคยลองปั่นที่เวลา 58 นาทีกว่าๆ App ก็ยังคิด 20 บาทอยู่ตอนที่ล๊อครถ แต่วันที่เขียนปั่นไป 64 นาที ตามที่เห็นในรูป App คิดค่าบริการ 30 บาท แต่นานกว่านั้นยังไม่เคยลอง

สรุปสั้นๆว่าเอาเข้าจริงๆมันน่าจะเหมาะกับคนที่ขึ้นรถมาลงที่ประตูหน้าแล้วต้องเดินเข้ามาที่ตึกตัวเองที่อยู่ไกลๆหน่อย เพราะฉะนั้นการออกแบบจุดจอดสำคัญมาก กับคนอีกกลุ่มนึงที่น่าใช้คือ Unlock จากใต้อาคารจอดรถ แล้วปั่นไปที่ตึกทำงาน แต่เท่าที่ทดลองใช้จริงๆ ถ้าต้องเช่าจักรยาน 20 บาท แล้วปั่นออกกำลังเล่นได้ 50 นาที หรือ 10 บาทเพื่อปั่นเล่น 25 นาทีก็ไม่รู้สึกเลวร้ายอะไร ช่วงนี้ที่ปั่นฟรีอยู่ คนใช้ไม่น้อย ช่วงพักกลางวันที่คนออกไปทานข้าว หรือช่วงเย็นๆที่มีกลุ่มออกกำลังปั่นเล่น ในบางจุดจอด ทั้งๆที่ช่วงบ่ายมีจักรยานเป็นหลายสิบคันก็ยังโดน Unlock ไปใช้หมดก็มี เอาเข้าจริงๆคู่แข่งที่สำคัญของ Mobike ก็น่าจะเป็นมอไซด์วินที่ขับรับส่งกันใกล้ๆแบบ 5 บาท 10 บาท เพราะฉะนั้นช่วงนี้ที่ปล่อยให้ทดลองใช้ฟรีๆ ถ้าสามารถปรับความเคยชินของคนได้ ก็ไม่แน่อาจจะเปลี่ยนให้คนมี healthy life style เพิ่มขึ้นได้บ้างก็น่าจะดีมากๆเลยฮะ

Website : Mobike TH
App : Android | iOS
อื่นๆ : รีวิวของ Blognone กับ Mobike ที่ ม.เกษตร